19:06 Monday, July 19 รถใหม่วันนี้ รถทั้งเว็บ 17, 664 ผู้ชมใน 24ชม. Online
จะเป็น Mind Mapping ที่อยู่ในหัวของเราตลอดทั้งเพลง แต่!
คุณกำลังพยายามค้นหาเกี่ยวกับหัวข้อ อยากเก่งอังกฤษ? Leather20 นำเสนอเนื้อหาทันทีในหัวข้อของ อยากเก่งอังกฤษ ในโพสต์ด้านล่าง. อยากเก่งภาษาต้องดู! เทคนิคเคล็ดลับฝึก "ภาษาอังกฤษ" ให้เก่งขึ้น กล้าพูด ควรเริ่มจากอะไร?. ดูรายละเอียดในวิดีโอด้านล่าง รูปภาพธีมอยากเก่งอังกฤษจัดทำโดย Leather20. อยากเก่งภาษาต้องดู! เทคนิคเคล็ดลับฝึก "ภาษาอังกฤษ" ให้เก่งขึ้น กล้าพูด ควรเริ่มจากอะไร? ดูบทความเพิ่มเติมที่นี่: ูความรู้การวาดภาพได้ที่นี่. ดูความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอยากเก่งอังกฤษ.
1) เวลาบอกตำแหน่งของคนหรือสิ่งของบางอย่าง ให้เราเติม verb to be ด้วย พูดแบบง่าย ๆ คือ verb to be มักใช้คู่กับ preposition เช่น He is in the room. (ไม่ใช่ he in the room) The children are at home. (ไม่ใช่แค่ the children at home) 1. 2) เวลาจะบอกว่าใครรู้สึกอะไร มีคุณสมบัติอย่างไร เป็นคนที่ไหน มีลักษณะรูปร่างอย่างไร ให้มี verb to be ด้วย หรือพูดง่าย ๆ คือ verb to be มักใช้คู่กับ adjective ( Fact check: verb to be แปลว่า เป็น อยู่ คือ ก็จริง แต่เวลาเราใช้มันกับ adjective เราไม่จำเป็นต้องแปลมันนะครับ ขอแค่อย่าลืมใส่มันมาด้วย! ) สำหรับคนที่ไม่รู้จัก adjective คร่าว ๆ ดังนี้ adjective คือ - คำที่ใช้บอกความรู้สึก (sad, happy, boring) - คำที่ใช้บอกคุณสมบัติ (good, bad, great, perfect, interesting) - คำที่ใช้บอกเชื้อชาติ (English, American, Thai) - คำที่ใช้บอกลักษะรูปร่าง (big, small, round)) เวลาจะใช้คำพวกนี้ในประโยค ก็อย่าลืมใส่ verb to be ให้มันด้วย ตัวอย่างเช่น My mother is happy. (ไม่ใช่ my mother happy เฉย ๆ) This movie is good. (ไม่ใช่ this movie good เฉย ๆ) All my friends are Thai. (ไม่ใช่ All my friends Thai เฉย ๆ) My house is big.
(ไม่ใช่ my house big เฉย ๆ) 1. 3) เวลาเราจะบอกว่าใครเป็นใคร ทำอาชีพอะไร ให้มี verb to be ด้วย หรือพูดง่าย ๆ คือ verb to be มักใช้คู่กับ noun (และมักจะมี a, an มาด้วย) I am a student. (ไม่ใช่ I student แต่ I am student ก็พอถู ๆ ไถ ๆ ได้) My father is a doctor. They are my friends. He is an engineer. แกรมมาร์ที่สำคัญเรื่องที่สองคือ 2) Word order / sentence structure (การเรียงคำ และโครงสร้างในประโยค) ในประโยคเล่า โครงสร้างประโยคจะเป็นดังนี้ ประธาน + กริยา + กรรม เช่น I love you. He likes apples. หรือบางทีอาจจะมี ส่วนขยาย เข้าไปต่อท้ายประโยคด้วยก็ได้ เช่น I love you so much. He likes apples a lot. บางที ส่วนขยาย ก็ขอแหวกแนวมาอยู่ข้างหน้าบ้าง (มักจะเป็นคำที่บอกความถี่ (frequency adverbs) ในการทำบางอย่าง เช่น เสมอ, ไม่เคย, บางครั้ง) เช่น I always love you. (ฉันรักเธอ เสมอ) He never eats oranges. (เขา ไม่เคย กินส้ม) They usually come late. (พวกนั้นมาสาย ประจำ) ส่วนในประโยคคำถาม ในภาษาไทยเราจะเติมคำว่า มั้ย / ไหม ไว้ข้างหลัง แต่ภาษาอังกฤษมักเติมไว้ข้างนะ (do / does / did) Do you love me? Does he care about you?
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยได้ยินหรือรู้จักคำว่า "พอดแคสต์" กันแน่นอน ฟังดูเหมือนงานอดิเรกสุดชิคที่ใครๆ ก็ฟังกันตอนเวลาว่าง แถมเขาว่ากันว่าช่วยฝึกภาษาอังกฤษได้ดีด้วย (? ) เป็นเรื่องจริงหรือจกตามาดูกันก่อนดีกว่าว่าพอดแคสต์คืออะไร ช่วยฝึกทักษะภาษาอังกฤษได้จริงมั้ย พอดแคสต์ (Podcast) คือ การฟังรายการผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งจะแบ่งเป็นหลายๆ ตอน ส่วนใหญ่จะเป็นสื่อประเภทเสียงที่สามารถดาวน์โหลดเก็บมาฟังตอนออฟไลน์ได้และฟรี ข้อดีของพอดแคสต์คือเราสามารถฟังได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ต้องใช้เวลาว่างโดยเฉพาะในการฟัง แต่สามารถฟังเวลาเดินทางไปทำงานหรือตอนเลิกงานขณะกลับบ้านได้ พอดแคสต์ช่วยฝึกภาษาอังฤษของเราได้จริงมั้ย? ขอตอบเลยว่าจริง! เราสามารถหาพอดแคสต์ภาษาอังกฤษจากต่างประเทศมาฟังได้ หรือจะฝึกฟังจากช่องของคนไทยที่จะมีการพูดภาษาไทยด้วยนิดหน่อยก็ได้ เมื่อเราฟังบ่อยๆ ก็สามารถฝึกทักษะการฟังของเราให้คุ้นชินกับภาษาอังกฤษได้ ตอนฟังแรกๆ อาจจะฟังไม่ค่อยออก ไม่เก็ทว่าเขาพูดอะไร แต่เชื่อเถอะว่าฟังไปเรื่อยๆ แล้ว รู้ตัวอีกทีก็ขำกับมุกที่คนพูดสอดแทรกมาแล้วล่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำพอดแคสต์ที่ฟังง่าย ไม่ยากเกินไปเหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ รับรองว่านอกจากจะได้ฝึกหูให้คุ้นชินกับภาษาแล้ว เนื้อเรื่องก็สนุกไม่แพ้กัน #1.
เทคนิคเคล็ดลับฝึก "ภาษาอังกฤษ" ให้เก่งขึ้น กล้าพูด ควรเริ่มจากอะไร?.